วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดปรากฏการณ์ เอลนีโญ(El Nino) และ ลานีญา ( La Nino)

ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดปรากฏการณ์ เอลนีโญ(El Nino) และ ลานีญา ( La Nino) 
ปรากฏการณ์ เอลนีโญ(El Nino)

ปรากฏการณ์ ลานีญา ( La Nino)

                 ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดปรากฏการณ์เอลนิโญ และ ลานิญาทั้ง 2 คำ นี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างการหมุนเวียน ของกระแสอากาศ และกระแสน้ำในมหาสมุทรทั้งบนผิวพื้นและใต้มหาสมุทร แต่เกิดจากภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดความผกผันของกระแสอากาศโลกบริเวณเส้นศูนย์สูตร เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกเกิด ภัยธรรมชาติที่รุนแรง สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลและพื้นที่เกิดความแห้งแล้ง น้ำท่วม พายุ คลื่นลม การเกษตรเสียหายเพาะปลูกไม่ได้ตามฤดู เกิดความอดอยากคลาดแคลนอาหารในหลายพื้นที่ในโลก  เอลนีโญ (EI nino) หรือชื่อทางการว่า เอ็นโซ่ (ENSO) มาจากคำว่า EI Nino-Southern oscillation เอ ลนิโญแปลว่าบุตรของพระเยซู เพราะปรากฏการณ์นี้มักจะเกิดในช่วงคริสต์มาส แต่สำหรับชาวเปรูจะหมายถึงกระแสน้ำอุ่นที่ไหลเลียบชายฝั่งลงไปทางใต้ ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาชายฝั่ง และมีฝนตกหนักทางเอกวาดอรใต้และเปรูเหนือ แต่โดยทั่วไปหมายถึง การอุ่นขึ้นอย่างผิดปกติของน้ำทะเลบริเวณตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทร แปซิฟิกเขตร้อน ซึ่งเกิดจากการอ่อนกำลังลงของลมสินค้า (Trade wind) เอลนีโญเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นมานนับพันปี มาแล้วและในระยะหลังเกิดบ่อยครั้ง และมีความรุนแรงมากขึ้นลานีญา(LA Nina) แปลว่าลูกสาวเป็นปรากฏการณที่ตรงข้ามกับเอลนีโญนั่นคืออุณหภูมิผิวน้ำทะเล บริเวณตอนกลางและตะวันออกของแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติหรือ เย็นขึ้น เนื่องจากลมสินค้าตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังแรงกว่าปกติ    ลม สินค้า คือลมที่พัดเข้าหาเส้นศูนย์สูตรของโลก พบได้บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตรทั่วโลก ลมสินค้าเป็นกระแสลมที่พัดจากเขตร้อนหรือเขตความกดอากาศสูงไปยังเขตความกด อากาศต่ำ ลมสินค้าจึงพัดอากาศบริเวณผิวน้ำทะเลที่อุ่นจากตะวันออกไปสะสมอยู่ทางตะวัน ตกมาก ทำให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลและระดับน้ำทะเลยิ่งสูงขึ้นทำให้ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้มีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมขณะที่บริเวณแปซิฟิกตะวันออกเขตร้อนมีฝนน้อยและแห้งแล้ง ปรากฏการณ์ลานีญาเกิดขึ้นได้ทุก2-3ปีนานประมาณ9-12เดือน แต่บางครั้งอาจปรากฏอยู่ได้นานถึง 2 ปี  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าความรุนแรงและความถึ่ในการเกิดปรากฏการณ์ทั้ง2อย่าง เกิดจากการที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นเนื่องจากโลกร้อนขึ้นไอร้อนระเหยจาก ผิวโลกทำให้ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้นปรากฏการณ์เอลนีโญจึงเกิดได้เร็วขึ้น นักอุตุนิยมวิทยา เควิน เทรนเบิร์ธ จากศูนย์วิจัยบรรยากาศโลกเชื่อว่าพายุหมุนเขตร้อนเกิดขึ้นจากความแปรปรวนของ สภาพอากาศเนื่องจากเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ดังนั้นปรากฏการณ์เอลนีโญและภาวะโลกร้อนมีความเกี่ยวเนื่องกัน    ซึ่งสอดรับกับ รศ.ธนวัฒน์  จารุพงษ์สกุล  ภาค วิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “บ้านเรามีแนวโน้มจะเกิดปริมาณฝนตกในฤดูสั้นลงหรือฤดูฝนสั้นลง ขณะที่ฤดูหนาวจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น และจะเป็นฝนทิ้งช่วง ตกครั้งละมากๆ นอกจากนี้โอกาสที่พายุโซนร้อนและไต้ฝุ่นจะเปลี่ยนทิศพัดเข้าสู่ประเทศไทยทาง อ่าวไทยโดยตรงมีมากขึ้นโดยจะส่งผลให้เกิดอุทกภัยและโคลนถล่ม โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันออกและกรุงเทพมหานคร ” ในรอบหลายๆปีที่ผ่านมาบางที่เกิดสภาวะแห้งแล้ง บางที่เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก เกิดโรคระบาด ทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจมากมาย

4 ความคิดเห็น:

  1. ทําให้ทราบถึงปรากฏการณ์ทั้งสองดีขึ้นค่ะ

    ตอบลบ
  2. โลกเราเปลี่ยนไปทุกวัน ... ขอบคุณสำหรับบทความนี้ค่ะ ^^

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ

    ตอบลบ